วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

E-book

ประวัติ 

    หนังสือที่มีอยู่โดยทั่วไป จะมีลักษณะเป็นเอกสารที่จัดพิมพ์ด้วยกระดาษ แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของ ยุคสมัย และความเปลี่ยนแปลงด้านอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีการพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้มีการคิดค้นวิธีการใหม่โดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย จึงได้นำหนังสือดังกล่าวเหล่านั้นมาทำคัดลอก (scan) โดยที่หนังสือก็ยังคงสภาพเดิมแต่จะได้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นแฟ้มภาพขึ้นมาใหม่ วิธีการต่อจากนั้นก็คือจะนำแฟ้มภาพตัวหนังสือมาผ่านกระบวนการแปลงภาพเป็นตัวหนังสือ (text) ด้วยการทำ OCR (Optical Character Recognition) คือการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อแปลงภาพตัวหนังสือให้เป็นตัวหนังสือที่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้

ความหมาย

    E-Book คือ “อีบุ๊ค” (e-Book , e-Book , eBook , EBook) เป็นคำภาษาต่างประเทศ ย่อมาจากคำว่า electronic book หมายถึง หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์ มี ลักษณะพิเศษคือสามารถสื่อสารกับผู้อ่านในลักษณะของมัลติมีเดียได้ ได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง แต่ยังคงรักษารูปแบบความเป็นหนังสือไว้ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หรือลักษณะการเปิดอ่านไว้ด้วย

ลักษณะ

โครงสร้างทั่วไปของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย
- หน้าปก (Front Cover)
หมายถึง ปกด้านหน้าของหนังสือซึ่งจะอยู่ส่วนแรก เป็นตัวบ่งบอกว่าหนังสือเล่มนี้ชื่ออะไร ใครเป็นผู้แต่ง
- คำนำ (Introduction)
หมายถึง คำบอกกล่าวของผู้เขียนเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูล และเรื่องราวต่างๆ ของหนังสือเล่มนั้น
- สารบัญ (Contents)
หมายถึง ตัวบ่งบอกหัวเรื่องสำคัญที่อยู่ภายในเล่มว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง อยู่ที่หน้าใดของหนังสือ สามารถเชื่อมโยงไปสู่หน้าต่างๆ ภายในเล่มได้
- สาระของหนังสือแต่ละหน้า (Pages Contents)
หมายถึง ส่วนประกอบสำคัญในแต่ละหน้า ที่ปรากฏภายในเล่ม ประกอบด้วย
- หน้าหนังสือ (Page Number)
- ข้อความ (Texts)
- ภาพประกอบ (Graphics) .jpg, .gif, .bmp, .png, .tiff
- เสียง (Sounds) .mp3, .wav, .midi
- ภาพเคลื่อนไหว (Video Clips, flash) .mpeg, .wav, .avi
- จุดเชื่อมโยง (Links)
- อ้างอิง (Reference)
หมายถึง แหล่งข้อมูลที่ใช้นำมาอ้างอิง อาจเป็นเอกสาร ตำรา หรือ เว็บไซต์ก็ได้.
- ดัชนี (Index)
หมายถึง การระบุคำสำคัญหรือคำหลักต่างๆ ที่อยู่ภายในเล่ม โดยเรียงลำดับตัวอักษรให้สะดวกต่อการค้นหา พร้อมระบุเลขหน้าและจุดเชื่อมโยง
- ปกหลัง (Back Cover)
หมายถึง ปกด้านหลังของหนังสือซึ่งจะอยู่ส่วนท้ายเล่ม

การประยุกต์ใช้กับการศึกษา

     E-Book จัดว่าเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาในรูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจจากนักการศึกษา และ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา Electronic Bookจะครอบคลุมหนังสือทั่ว ๆ ไปที่จัดทำแล้วสามารถอ่านได้ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะใช้คอมพิวเตอร์ในการอ่านโปรแกรมโดยเฉพาะตำราอิเล็กทรอนิกส์จะเป็น Electronic Book ประเภทหนึ่งที่จำเป็นต้องนำมาจัดการเกี่ยวกับการเรียนการสอนในสังคมการเรียนรู้ในปัจจุบัน

ข้อดี

1. เป็นสื่อที่รวมเอาจุดเด่นของสื่อแบบต่าง ๆ มารวมอยู่ในสื่อตัวเดียว คือ สามารถแสดงภาพ แสง เสียง ภาพเคลื่อนไหว และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้
2. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการเรียนรู้และเข้าใจเนื้อหาวิชาได้เร็ว
3. ครูสามารถใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการชักจูงผู้เรียนในการอ่าน, การเขียน, การฟัง และ การพูดได้
4. มีความสามารถในการออนไลน์ผ่านเครือข่ายและเชื่อมโยงไปสู่โฮมเพจและเว็บไซต์   ต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถอ้างอิงในเชิงวิชาการได้

ข้อจำกัด

1. ต้องมีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ และเครือข่าย นอกจากตั้งใจเรียนเนื้อหา
2. ความยากในการวิเคราะห์และออกแบบเนื้อหา สำหรับการจำลองหรือแสดงผลเนื้อหาให้ง่ายต่อการอ่านและการเรียนรู้ภายใต้เทคโนโลยีมัลติมีเดีย ระบบเครือข่าย และเทคโนโลยีทางการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ตามต้องการ
3. คนไทยส่วนใหญ่ยังคงชินอยู่กับสื่อที่อยู่ในรูปกระดาษมากกว่า อีกทั้งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ยังไม่สมารถใช้งานได้งายเมื่อเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์ และความสะดวกในการอ่านก็ยังน้อยกว่ามาก




1. นายตนุภัทร เศรษฐกร รหัสนักศึกษา 534116211 หมู่เรียน 53/25
2. นางสาวบุศรินทร์ แก่งเสี้ยน รหัสนักศึกษา 534116219 หมู่เรียน 53/25
3. นางสาว วรรณภา แซ่เจียม รหัสนักศึกษา 534116226 หมู่เรียน 53/25
4. นางสาวสุมลฑา ตัวมูล รหัสนักศึกษา 534116241 หมู่เรียน 53/25
5. นางสาวสุธาสินีย์ ศรีนิธิอัฒชวกุล รหัสนักศึกษา 534116236 หมู่เรียน 53/25
6. นายอภิสิทธิ์ วงศ์พันทอง รหัสนักศึกษา 534116242 หมู่เรียน 53/25





วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

E-Portfolio

ความหมาย
ระบบที่ช่วยในการสร้างและเผยแพร่แฟ้มสะสมงาน (Portfolio) ในระบบ Online ผ่านทาง Internet สำหรับบุคคลและองค์กรต่างๆ
วัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสมงาน
เพื่อให้เจ้าของแฟ้มได้ประเมินตนเองว่า ผลงานที่ทำเป็นอย่างไร ประสบผลสำเร็จระดับใด มีระบบหรือไม่ ควรจะปรับปรุงแก้ไขหรือไม่เพื่อให้ผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้ประเมินของแฟ้มว่ามีความสามารถในการปฏิบัติงานเป็นอย่างไร

ลักษณะแฟ้มสะสมงาน

1. เครื่องมือสาหรับการเรียนรู้
2. เครื่องมือที่สาหรับแสดงสมรรถนะ
3. เครื่องมือสาหรับการประเมิน

ประเภทของแฟ้มสะสมงานอิเล็กทรอนิกส์
Academic Advising
   -  Self-awareness
   - University Study Guidance
   -  Students at-Risk Assistance

องค์ประกอบของแฟ้มสะสมงานอิเล็กทรอนิกส์  
ประกอบด้วย 6 ส่วน
1. จุดมุ่งหมายของแฟ้มสะสมงานอิเล็กทรอนิกส์
 2. เนื้อหาของแฟ้มสะสมงานอิเล็กทรอนิกส์
  3. การพัฒนาแฟ้มสะสมงานอิเล็กทรอนิกส์
  4. การประเมินตนเอง
  5. ระบบการจัดการอิเล็กทรอนิกส์
  6. การประเมินผลแฟ้มสะสมงานเล็กทรอนิกส์

ข้อดีของ e-Portfolio
1.  ลดการใช้ทรัพยากรสานักงาน เช่น กระดาษ หมึกพิมพ์ เป็นต้น
2. สะดวกต่อการบริหารจัดการ สามารถส่งข้อมูลที่เป็นทั้ง ภาพ เสียงและภาพเคลื่อนไหว สาหรับกิจกรรมและภาระงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย ได้ทุกที่ ทุกเวลา

ข้อจำกัดของ e-Portfolio
1. การแก้ไข e-Portfolio ในทุกครั้งต้องทำการแก้ไขบนเว็บไซต์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
2. ผู้ชมที่ไม่มีความรู้เรื่องอินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถเข้าชม e-Portfolio ได้

1. นายตนุภัทร เศรษฐกร รหัสนักศึกษา 534116211 หมู่เรียน 53/25
2. นางสาวบุศรินทร์ แก่งเสี้ยน รหัสนักศึกษา 534116219 หมู่เรียน 53/25
3. นางสาว วรรณภา แซ่เจียม รหัสนักศึกษา 534116226 หมู่เรียน 53/25
4. นางสาวสุมลฑา ตัวมูล รหัสนักศึกษา 534116241 หมู่เรียน 53/25
5. นางสาวสุธาสินีย์ ศรีนิธิอัฒชวกุล รหัสนักศึกษา 534116236 หมู่เรียน 53/25
6. นายอภิสิทธิ์ วงศ์พันทอง รหัสนักศึกษา 534116242 หมู่เรียน 53/25

LMS,CMS

ประวัติความเป็นมาของ LMS
ในอดีตที่ผ่านมา ได้มีการจัดการเรียนการสอนโดยนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับการเรียนการสอนที่ใช้ E-Learning เพราะเป็นนวัตกรรมในการพัฒนาคุณภาพด้านการเรียนการสอนต่อผู้เรียน โดยการใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต เป็นสื่อกลาง
ปัจจุบันงานด้านการพัฒนาสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอนผ่านเว็บ  (Web-Based Instruction : WBI) ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีปัจจุบันกับกระบวนการออกแบบการเรียนการสอน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการเรียนรู้และการแก้ปัญหา

ความหมาย

LMS เป็นคำที่ย่อมาจาก Learning Management System หรือระบบการจัดการเรียนรู้ เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ
ลักษณะของ LMS
- เป็นคอมพิวเตอร์โปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อบันทึก และจัดข้อมูลการเรียนการสอน
- เป็นระบบที่มีความสำคัญอย่างมากใน e-Learning โดย LMS ที่มาช่วยจัดการ และควบคุมกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งหมดของ e-Learning
- LMS ก็เปรียบเสมือนกับโรงเรียน เมื่อคุณล็อกอินเข้าสู่ระบบ LMS เพื่อเข้าเรียน ก็เหมือนกับคุณก้าวเท้าเข้าสู่ประตูโรงเรียน
ประเภทของซอฟต์แวร์
1. กลุ่มซอฟท์แวร์ฟรี (Open Source LMS) ที่มีลิขสิทธิ์ในการใช้งานแบบ GPL
2. ส่วนประเภทที่สองคือ กลุ่มซอฟต์แวร์เอกชนเพื่อธุรกิจ ซึ่งต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ให้กับบริษัทแม่ซึ่งเป็นเจ้าของซอฟท์แวร์ LMS พวกนี้
รูปแบบการทำงานของ LMS
1. กลุ่มผู้บริหารระบบ (Administrator) ทำหน้าที่ในการติดตั้งระบบ LMS
2. 2. กลุ่มอาจารย์หรือผู้สร้างเนื้อหาการเรียน (Teacher) : ทำหน้าที่ในการจัดการเนื้อหา บทเรียนต่างๆ
3. 3. กลุ่มผู้เรียน (Student) : หมายถึงนักเรียน นักศึกษา ที่สมัครเข้าเรียนตามหัวข้อต่าง ๆ รวมทั้งการทำแบบฝึกหัด

การประยุกต์ใช้กับการศึกษา

ปัจจุบันการเรียนการสอนได้มีการพัฒนา E-Learning มาใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมีการสร้าง Softwareที่ทำหน้าที่บริหารจัดการเรียนการสอน ผ่านทางเว็บไซต์ที่ประกอบด้วยเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการจัดกลุ่มเนื้อหา และกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนั้น การนำระบบ  LMS มาประยุกต์ใช้จะทำให้เกิดคุณภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพ ในด้านการเรียนการสอนมากยิ่งขึ้น

ข้อดี

1.ระบบจัดการเรียนรู้ในปัจจุบัน ครอบคลุมเครื่องมือที่หลากหลายขึ้นมาก
2. รายการของเครื่องมือบนระบบการจัดการการเรียนการสอน ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องมือสำหรับการจัดระบบที่ไม่สลับซับซ้อน
3. การพัฒนาระบบการจัดการการเรียนการสอนในปัจจุบันยังครอบคลุมในด้านของคุณภาพของเครื่องมือบางประเภท
4. การเรียนการสอนส่วนใหญ่ในขณะนี้สามารถนำไปเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ
5.ปรับใช้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ข้อเสีย

1. เครื่องมือที่ได้รับการพัฒนามาแล้วยังไม่สามารถสนับสนุนการจัดการเรียนรู้เป็นไปตามหลักทางครุศาสตร์
2.ทางด้านการจัดการเรียนการสอน ยังไม่ยืดหยุ่นพอสำหรับความต้องการในการออกแบบการเรียนของผู้สอนในสมัยใหม่
ส่งผลต่อความน่าเบื่อของการเรียนในลักษณะ e-Learning

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ประวัติความเป็นมาของ CMS

เริ่มต้นจาก อินเทอร์เน็ตได้ถือกำเนิดขึ้นมา โลกของเราก็เปลี่ยนแปลงไปมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของการติดต่อสื่อสารที่ทำได้ด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น และการพัฒนาของภาษาหรือซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตก็เติบโตขึ้นมามากเช่นกัน

ความหมายของ Cms

CMS ย่อมาจาก  Content Management Systemโดยที่ตัว CMS เองมีโปรแกรมประยุกต์ พร้อมใช้งานอยู่ภายในมากมาย เช่น
- ระบบจัดการบทความและข่าวสาร   (News and Article)
- ระบบจัดการบทวิจารณ์  (Review)
- ระบบจัดการสมาชิก  (Member)
- ระบบสืบค้นข้อมูล  (Search)
- ระบบจัดการไฟล์ดาวน์โหลด  (Download)
- ระบบจัดการป้ายโฆษณา  (Banner)

ลักษณะของ CMS

ลักษณะเด่นของ CMS ก็คือ มีส่วนของ Administration panel (เมนูผู้ควบคุมระบบ) ที่ใช้ในการบริหารจัดการส่วนการทำงานต่างๆในเว็บไซต์
ประเภทของ CMS ในการสร้าง Website
1.Blog – บล็อก หรือ เว็บบล็อก
2.E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ)
3.E-Learning เป็น CMS ที่ใช้ในการทำงานสื่อการเรียนการสอน
4.Forums (กระดานข่าว)
5.Groupware – เป็น CMS ที่ออกแบบมาเพื่อที่จะช่วยการทำงานในองค์หรือหน่วยงานให้มีความสัมพันธ์กัน
6.Image Galleries

รูปแบบการทำงานของ CMS

1. CMS เพื่อการค้าขาย
2. CMS แบบฟรีแวร์
3. CMS ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานเองหรือภายในองค์กร

-----------------------------------------------ภาพประกอบ-----------------------------------------------

สมาชิกกลุ่ม Irontudteam
1. นายตนุภัทร เศรษฐกร รหัสนักศึกษา 534116211 หมู่เรียน 53/25
2. นางสาวบุศรินทร์ แก่งเสี้ยน รหัสนักศึกษา 534116219 หมู่เรียน 53/25
3. นางสาว วรรณภา แซ่เจียม รหัสนักศึกษา 534116226 หมู่เรียน 53/25
4. นางสาวสุมลฑา ตัวมูล รหัสนักศึกษา 534116241 หมู่เรียน 53/25
5. นางสาวสุธาสินีย์ ศรีนิธิอัฒชวกุล รหัสนักศึกษา 534116236 หมู่เรียน 53/25
6. นายอภิสิทธิ์ วงศ์พันทอง รหัสนักศึกษา 534116242 หมู่เรียน 53/25


วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

M Learning

M - learning

เป็นเทคโนโลยีระบบไร้สายทางเลือกใหม่ที่่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต นับเป็นสิ่งที่นักศึกษาสนใจอย่างมาก เพราะเทคโนโลยีนี้ผสมผสานระหว่าง อุปกรณ์พกพา และ E - learning

     1.M = Mobile = อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ 
     2.Learning = การเรียนรู้ การแสวงหาความรู้ของมนุษย์

M - Learning คือการเรียนทางไกลแบบใหม่ที่เวลาไม่ตรงกันระหว่างครูกับนักเรียน ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และ โทรคมนาคม ซึ่งแบ่งได้ 3 ประเภท ในการเรียนการสอน

     1.PDAs (Personal digital assistant) คอมพิวเตอร์แบบพกพา ขนาดเล็ก
     2.Smart phones โทรศัพท์มือถือ สามารถลงโปรแกรมได้เหมือน PDA
     3.Ipod เครื่องเสียงแบบพกพา สามารถดึงข้อมูลได้จากคอมพิวเตอร์ มีเนื้อที่ถึง 60 GB

ข้อดี
- เปลี่ยนสภาพการเรียนจากที่ยึดผู้สอนเป็น ศูนย์กลาง ไปสู่การมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับผู้เรียนจึงเป็นการส่งเสริมให้มีการสื่อสารกับเพื่อนและ ผู้สอนมากขึ้น 
- มีแรงจูงใจต่อการเรียนรู้มากขึ้น 
- ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ได้จริง 

ข้อจำกัด
- ขนาดของความจุ Memory และขนาดหน้าจอที่จำกัดอาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับการอ่าน ข้อมูล แป้นกดตัวอักษรไม่สะดวกรวดเร็วเท่ากับคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ
- การเชื่อมต่อกับเครือข่าย ยังมีราคาที่ค่อนข้างแพง และคุณภาพอาจจะยังไม่น่าพอใจนัก 



Iron Tud Team


1. นายตนุภัทร เศรษฐกร รหัสนักศึกษา 534116211 หมู่เรียน 53/25
2. นางสาวบุศรินทร์ แก่งเสี้ยน รหัสนักศึกษา 534116219 หมู่เรียน 53/25
3. นางสาว วรรณภา แซ่เจียม รหัสนักศึกษา 534116226 หมู่เรียน 53/25
4. นางสาวสุมลฑา ตัวมูล รหัสนักศึกษา 534116241 หมู่เรียน 53/25
5. นางสาวสุธาสินีย์ ศรีนิธิอัฒชวกุล รหัสนักศึกษา 534116236 หมู่เรียน 53/25
6. นายอภิสิทธิ์ วงศ์พันทอง รหัสนักศึกษา 534116242 หมู่เรียน 53/25

E Learning

E learning

ประวัติ
มีพัฒนาการมาจากการศึกษาทางไกลผ่านระบบไปรษณีย์ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ในทวีปยุโรปเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ห่างไกลได้เรียน จนถึงปัจจุบันมีการเปิดสอนในลักษณะมหาวิทยาลัยเปิดที่ผู้เรียนไม่ต้องมาเรียนในห้องเรียน

ความหมาย
E-Learning คือการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็คทรอนิคส์ทุกอย่างไม่ว่าจะออนไลน์ หรือ ไม่ออนไลน์ หรือการศึกษาที่ผู้เรียนและผู้สอนไม่ต้องมาอยุ่ที่เดียวกัน 

ลักษณะ
1.Anywhere Anytime หมายถึง e-Learning ควรต้องช่วยให้โอกาสในการเข้าถึงเนื้อหาการเรียนรู้ของผู้เรียนได้จริง
2.Multimedia หมายถึง e-Learning ควรต้องคำนึงการนำเสนอเนื้อหาโดยใช้ประโยชน์ จากสื่อประสมเพื่อช่วยในการประมวลผลสารสนเทศ 
3.Non-Linear หมายถึง e-Learning ควรต้องมีการนำเสนอเนื้อหาในลักษณะที่ไม่เป็นเชิงเส้นตรง 
 4.Interaction หมายถึง e-Learning ควรต้องมีการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนโต้ตอบ 
(มีปฏิสัมพันธ์) กับเนื้อหาหรือผู้อื่นได้


ประเภทของ E-Learning
1.แบบการสอน
2.แบบสอนซ่อม

รูปแบบการทำงาน
ส่วนใหญ่ในประเทศไทยใช้อินเทอร์เน็ตในการเผยแพร่ E-learning

- WBL
- Text online
- Low cost multimedia online เว็บไซต์ออนไลน์ มีถาพ มีเสียง โดยไม่มีระบบสมาชิก
- Full multimedia online เว็บไซต์เต็มรูปแบบ มีทั้งเนื้อหา ภาพ เสียงต่างๆ อีกทั้งยังมีระบบสมาชิก แต่ยังขาดระบบติดตาม

การประยุกต์ใช้กับการศึกษา
- คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ผู้เรียนสามารถโต้ตอบกับบทเรียนได้
- ใช้เว็บเป็นหลัก การนำเอาสื่อการเรียนการสอน
- อิเล็คทรอนิกส์ บุ็ค หนังสืออิเล็คทรอนิกส์ ในรูปแบบให้การศึกษา
- วีดีโอ เทเลคอนเฟอเรนซ์ ทำให้ผู้เรียนและผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ สามารถเห็นภาพ เสียง ต่างๆ ของผู้สอนได้ 
- วีดีโอ ออนดีมานด์ สามารถเลือกรายการวีดีโอที่ตนเองต้องการจะชม ได้โดยไม่มีข้อจำกัดในเวลส
- การสืบค้นข้อมูล ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตถูกเก็บไว้รอให้ผู้เรียนมาสืบค้นเรื่องที่ตนเองต้องการจะเรียนรู้ได้
- อินเทอร์เน็ต เครือข่ายที่ใช้งานกระจายกันทั่วโลก ทำให้สะดวกในการเรียนมากขึ้น

ข้อดี

-  ผู้เรียนและผู้สอนไม่ต้องการเรียนและสอนในเวลาเดียวกัน
-  ผู้เรียนและผู้สอนไม่ต้องมาพบกันในห้องเรียน
-  ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน และผู้สอนที่ไม่พร้อมด้านเวลา ระยะทางในการเรียนได้เป็น
   อย่างดี
-  ผู้เรียนที่ไม่มีความมั่นใจ กลัวการตอบคำถาม ตั้งคำถาม ตั้งประเด็นการเรียนรู้ในห้องเรียนความ

ข้อเสีย

- ไม่สามารถรับรู้ความรู้สึก ปฏิกิริยาที่แท้จริงของผู้เรียนและผู้สอน
-  ไม่สามารถสื่อความรู้สึก อารมณ์ในการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง
-  ผู้เรียน และผู้สอน จะต้องมีความพร้อมในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ทั้งด้านอุปกรณ์
   ทักษะการใช้งาน
-  ผู้เรียนบางคน ไม่สามารถศึกษาด้วยตนเองได้

1. นายตนุภัทร เศรษฐกร รหัสนักศึกษา 534116211 หมู่เรียน 53/25
2. นางสาวบุศรินทร์ แก่งเสี้ยน รหัสนักศึกษา 534116219 หมู่เรียน 53/25
3. นางสาว วรรณภา แซ่เจียม รหัสนักศึกษา 534116226 หมู่เรียน 53/25
4. นางสาวสุมลฑา ตัวมูล รหัสนักศึกษา 534116241 หมู่เรียน 53/25
5. นางสาวสุธาสินีย์ ศรีนิธิอัฒชวกุล รหัสนักศึกษา 534116236 หมู่เรียน 53/25
6. นายอภิสิทธิ์ วงศ์พันทอง รหัสนักศึกษา 534116242 หมู่เรียน 53/25

U-learnig

U-learnig
ประวัติ

               ในปัจจุบัน คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ไอทีนั้นได้เข้ามามีบทบาทของการดำเนินชีวิตของคนเราในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษาเรียนรู้ นาย บิล เกตส์ แห่ง บริษัทไมโครซอฟต์ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้ไอทีในด้านการศึกษา ไว้ว่าประโยชน์สูงสุดของไอที ได้แก่ การนำไอทีมาใช้เพื่อการศึกษาเรียนรู้

ความหมาย

              U-Learning  มาจากคำว่า Ubiquitous Learning ซึ่งเป็นภาษาลาติน มีความหมายว่า อยู่ในทุกแห่ง หรือ มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

              U-Learning เป็นการผสมผสานกันของ e-Learning กับ m-Learning เป้าหมายให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ตามกระบวนการของ e-Learning โดยใช้อุปกรณ์ที่เป็นทั้งเครื่อง PC ที่มีระบบเครือข่ายทั้งชนิดใช้สายและไร้สาย ผสมผสานไปกับอุปกรณ์อื่น

ลักษณะของ U-learnig
        1.  Anywhere, Anytime and Anybody คือ ผู้เรียนจะเป็นใครก็ได้ มาจากที่ใดก็ได้ และเรียนเวลาใดก็ได้ตามความต้องการของผู้เรียน เพราะหน่วยงานได้เปิดเว็บไซต์ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
        2.  Multimedia สื่อ ที่นำเสนอในเว็บ ประกอบด้วยข้อความ ภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว และเสียง ตลอดจนวีดิทัศน์ อันจะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี 
        3.  Non-Linear ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนเนื้อหาที่นำเสนอได้ตามความต้องการ 
        4.  Interactive ด้วยความสามารถของเอกสารเว็บที่มีจุดเชื่อม Links ย่อมทำให้เนื้อหามีลักษณะโต้ตอบกับผู้ใช้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว และผู้เรียนยังเพิ่มส่วนติดต่อกับวิทยากรผ่านระบบเมล์ ทำให้ผู้เรียนกับวิทยากรสามารถติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว
การประยุกต์ใช้กับการศึกษา

U-Learning ไม่ใช่ E-Learning ที่มีแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ และสาย LAN หรือ GPRS ซึ่งส่งภาพและข้อความให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองในระยะไกล แต่ Ubiquitous เป็น การเข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกของผู้เรียนว่ามีอุปสรรคต่อการทำความรู้และ ความเข้าใจหรือไม่เพื่อจะได้ให้ข้อมูลเสริมหรือการช่วยด้วยวิธีการอื่นๆที่ เหมาะสมตามบริบท การจะเข้าถึงสภาพแวดล้อมเช่นนั้นได้ ยังเป็นเทคโนโลยีนำเข้าที่แพงเกินไปสำหรับการเรียนการสอนในประเทศไทย

ข้อดี

* การเชื่อมต่อกับเครือข่ายไม่ว่าผู้ใช้งานจะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ
* การให้บริการที่สามารถเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ทั้งสถานที่  อุปกรณ์
* การบูรณาการ U-learning นั้นทำให้เกิดประโยชน์ต่อประสบการณ์การเรียนแบบกลางแจ้ง (outdoor) และการเรียนในร่ม (indoor) ตัวอย่างการเรียนกลางแจ้ง  ได้แก่ในส่วน ศูนย์กลางของเมือง ในป่า ส่วนการเรียนในร่ม ได้แก่ ในพิพิธภัณฑ์ศูนย์การเรียนรู้ ห้องปฏิบัติการ หรือที่บ้าน

ข้อเสีย

*  ระบบเชื่อมโยงเครือข่ายเพื่อให้ครอบคลุมถึงขนาด Ubiquitous   ต้องใช้การลงทุนสูงมาก 
* จำนวนผู้ใช้บริการ และผู้ที่มีความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยี ดังกล่าว ยังน้อย ไม่คุ้มค่าการลงทุน


1. นายตนุภัทร เศรษฐกร รหัสนักศึกษา 534116211 หมู่เรียน 53/25
2. นางสาวบุศรินทร์ แก่งเสี้ยน รหัสนักศึกษา 534116219 หมู่เรียน 53/25
3. นางสาว วรรณภา แซ่เจียม รหัสนักศึกษา 534116226 หมู่เรียน 53/25
4. นางสาวสุมลฑา ตัวมูล รหัสนักศึกษา 534116241 หมู่เรียน 53/25
5. นางสาวสุธาสินีย์ ศรีนิธิอัฒชวกุล รหัสนักศึกษา 534116236 หมู่เรียน 53/25
6. นายอภิสิทธิ์ วงศ์พันทอง รหัสนักศึกษา 534116242 หมู่เรียน 53/25